วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกชั้นเรียน 15 th September,2015

การพัฒนาทักษะการเขียน
ภาษาอังกฤษเข้ามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทย และคนทั่วโลกอย่างมาก เนื่องจากความก้าวหน้าในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร และการคมนาคมทำให้ประเทศต่างๆมีความใกล้ชิดต้องพึ่งพาอาศัยกันมากขึ้นจึงเกิดความจำเป็นที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลานาน อีกทั้งมีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบว่านักเรียนส่วนมากยังฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษแทบจะไม่รู้เรื่อง พูดภาษาอังกฤษได้น้อยหรือไม่ได้เลย ความสามารถในการอ่าน และทำความเข้าใจเนื้อหาอยู่ในเกณฑ์ต่ำ รู้คำศัพท์น้อย สะกดคำไม่เป็น ไม่สามารถเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและหนึ่งในนั้นก็มีดิฉันประกอบด้วย ซึ่งเมื่อเทอมที่ผ่านมาดิฉันได้เรียนในรายวิชาการเขียนภาษาอังกฤษ หรือ essay ซึ่งดิฉันพบว่าที่ดิฉันได้เขียนตามหัวข้อแล้วส่งไปดิฉันคิดว่าดิฉันมีความบกพร่องในการเขียนหลายจุด ซึ่งในรายสัปดาห์นี้ดิฉันจึงเลือกพัฒนาทักษะการเขียน
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ทำการฝึกพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากที่ดิฉันเขียนสรุปเรื่องภาษาอังกฤษจากบทอ่านภาษาอังกฤษเรื่อง  The Given Light ซึ่งมาจากเว็บไซต์ http://writer.dek-d.com/pinkgem/story/viewlongc.php?id=556726&chapter=2  ซึ่งดิฉันคิดว่าดิฉันควรจะพัฒนาการฝึกเขียนโดยการเขียนสรุปเรื่องสั้นๆก่อนว่าดิฉันอ่านเรื่องแล้วดิฉันเข้าใจบทที่อ่านหรือไม่เมื่อดิฉันอ่านเสร็จแล้วดิฉันจึงเลือกแปลคำศัพท์ก่อน เมื่อแปลคำศัพท์เสร็จแล้วดิฉันจึงมาอ่านและทำความเข้าใจคร่าวๆก่อน จึงไปทำการเขียนสรุปเรื่องที่อ่านโดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเรื่องที่ดิฉันเขียนสรุปได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับนิทานเรื่องไฟศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในเนื้อเรื่องที่ดิฉันแปลมาและเขียนใหม่แต่ให้ความหมายคล้ายเรื่องเดิมเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับประมาณว่าผู้ชายคนหนึ่งได้เดินไปยังดินแดนที่ไกลมากและเดินไปเจอกับไฟศักดิ์สิทธิ์และเขาได้จุดคบเพลิงนั้นและเขาเดินทางต่อไปเรื่อยๆ แต่เดินไปด้วยความกังวลเพราะกลัวว่าไฟจะดับลงและยิ่งเดินไปเรื่อยๆยิ่งมีคนที่มีอาการหนาวเหน็บต่างคนต่างก็ขอไฟศักดิ์สิทธิ์จากเขาทำให้เขายิ่งเกิดความกังวลมากยิ่งขึ้นแต่ในสุดท้ายเขายิ่งเดินไปเรื่อยๆได้เจอพายุฝนตกลงมาอย่างหนักมากทำให้ไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ดับมอดลงเขาอยากกลับไปยังจุดที่เคยพบไฟศักดิ์สิทธิ์แต่เขาไม่มีแรงเดินมากพอสุดท้ายเขาจึงเลือกเดินกลับไปยังที่ที่เคยมีคนขอไฟจากเขาและไฟก็กลับมาติดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเมื่อดิฉันเขียนเป็นภาษาอังกฤษเสร็จแล้วดิฉันลองไปเปิดในdictionaryเพื่อเทียบคำศัพท์และกลับไปดูเรื่องtense กลับพบว่ายังสรุปเรื่องและเขียนใหม่ได้ไม่ดีเท่าที่ควรและยังมีผิดพลาดหลายจุดดิฉันจึงคิดว่าควรมีการพัฒนาการเขียนต่อไปและได้มีการพัฒนาการอ่านอีกด้วยเพราะเขียนจากเรื่องที่อ่านถือว่าได้พัฒนาทักษะไปพร้อมๆกัน
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ทำการฝึกพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากที่ดิฉันเขียนสรุปเรื่องภาษาอังกฤษจากบทอ่านภาษาอังกฤษเรื่อง A Talking Frog  ซึ่งมาจากเว็บไซต์
http://writer.dek-d.com/pinkgem/story/viewlongc.php?id=556726&chapter=4 ซึ่งดิฉันได้เลือกฝึกทักษะการเขียนโดยการเขียนสรุปเรื่องจากเรื่องที่อ่าน เมื่อเราอ่านเรื่องได้เข้าใจเราก็สามารถเขียนใหม่ได้ และที่ดิฉันเลือกอ่านไปด้วยและเขียนไปด้วยจะได้เท่ากับการพัฒนา2ทักษะคือ ทักษะการอ่านและทักษะการเขียนเพราว่าสองทักษะนี้จะต้องทำงานควบคู่กันไป เพราะดิฉันถือว่าถ้าเราได้อ่านผ่านตามาเยอะๆเราก็สามารถเขียนได้ เพราะยิ่งเรามีประสบการณ์เยอะ เราก็ได้เอาจากประสบการณ์มาพัฒนา ซึ่งในวันนี้ดิฉันเลือกอ่านเรื่องกบพูดได้ ซึ่งมันจะมาในรูปแบบของนิทาน นอกจากได้พัฒนาทักษะแล้วถ้าได้อ่านเพลินๆเท่ากับการได้พักผ่อนอีกด้วยซึ่งในรอบแรกดิฉันได้อ่านและได้แปลคำศัพท์ควบคู่ไปกันด้วย และเมื่อแปลคำศัพท์เสร็จดิฉันก็พยายามเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อที่จะเอามาสรุปแล้วเขียนใหม่ให้ความหมายคงเดิมในรูปแบบของดิฉัน ซึ่งในเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับประมาณว่ามีชายชราคนหนึ่งได้ออกรอบไปเล่นกอล์ฟแล้วลูกกบได้ตกลงไปในคูน้ำ ชายคนนั้นพยายามตะเกียกตะกายเพื่อที่จะเอาลูกกอล์ฟขึ้นมาแล้วก็ไปพบกับความประหลาดใจเมื่อได้พบว่าเขาได้เจอกับกบที่พูดได้กบพยายามร้องขอให้ชายคนนั้นจูบเพื่อที่จะได้กลายเป็นเจ้าหญิงแต่ชายคนนั้นกลับไม่จูบและยังเอากบใส่ไว้ในกระเป๋าอีกด้วย กบตัวนั้นก็พยายามร้องขอและวิงวอนให้ชายคนนั้นจูบเพื่อที่จะได้กลายเป็นเจ้าหญิงแต่ชายคนนั้นกลับไม่สนใจแล้วยังพูดอีกว่าอายุเขามากแล้วได้เจอกบพูดได้ก็มากพอแล้วไม่จำเป็นต้องเจอกบกลายเป็นเจ้าหญิงหรอก และเมื่อดิฉันได้สรุปเรื่องเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้วดิฉันลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษและหาคำศัพท์ที่ไม่แน่ใจจากdictionary และนำไปตรวจทานกับหนังสือtense ก็ยังพบว่ายังมีข้อผิดพลาดอีกหลายจุด ดิฉันจึงควรมีการพัฒนาทักษะและฝึกฝนต่อไป
               
วันที่20 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ทำการฝึกพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากที่ดิฉันเขียนสรุปเรื่องภาษาอังกฤษจากบทอ่านภาษาอังกฤษเรื่อง  She’s So Hungryซึ่งมาจากเว็บไซต์ http://www.engjang.com/article/topic-30880.html  ซึ่งดิฉันได้เลือกฝึกทักษะการเขียนโดยเริ่มจากการอ่าน ในเมื่อเราอ่านได้ เราเข้าใจบทที่เราอ่านเราก็สามารถนำสิ่งที่อ่านถอดมาเขียนได้ในรูปแบบสไตล์ของเราที่เราเข้าใจยิ่งเราอ่านมากเราก็ยิ่งรู้จักคำศัพท์เยอะขึ้นเราก็มีคลังคำศัพท์มากยิ่งขึ้นเอาไว้ใช้เมื่อเวลาเราต้องใช้เขียนทั้งเขียนงานในชั้นเรียนหรือเขียนไดอารี่หรือยิ่งในช่วงเทคโนโลยีสมัยนี้เอาไว้เขียนเป็นคำคมแล้วนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็เป็นได้ และเมื่อดิฉันได้อ่านเรื่องนี้เสร็จดิฉันลองแปลคำศัพท์โดยในรอบนี้ไม่ได้เปิด dictionary โดยแปลจากบริบทใกล้เคียงและแปลแบบรวมๆ เมื่อเสร็จในรอบนี้ดิฉันได้ลองเอา dictionary มาเทียงเคียงดูก็พบว่ามีความใกล้เคียงอยู่บ้างและเมื่อแปลเสร็จดิฉันได้มาเรียงเรียงเนื้อหาซึ่งเกี่ยวกับเรื่อง เธอหิวมาก ซึ่งในเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับมีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งเธอชอบอ่านนิตยสารมาก ชอบที่จะดูรูปสวยๆชอบดูรูปถ่ายของผู้คน ชอบดูรูปสัตว์และดูไปเรื่อยไปเจอกับรูปอาหาร เธอเห็นรูปแฮมเบอร์เกอร์เธอหิวมาก เธอจึงไปเปิดตู้เย็น แต่กลับไม่มีแฮมเบอร์เกอร์ เธออยากจะไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่แม็คโดนัลด์ แต่เธอไปไม่ได้ เพราะเธอยังเป็นเด็ก เธอจะต้องรอแม่ของเธอแต่แม่ของเธอทำงานอยู่เธอหิวมาก เธอทำได้เพียงแค่คิดและภาวนาให้แม่ลับมาไวไวซึ่งเมื่อดิฉันอ่านไปพบว่าเป็นเรื่องที่ตลกดี ดิฉันจึงลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบสรุปและพบว่าคำศัพท์ที่ใช้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ดิฉันมีปัญหาในการเรียบเรียงประโยคและมีปัญหาในเรื่องtense ดิฉันจึงคิดว่าดิฉันควรจะต้องมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

การพัฒนาทักษะการเขียน มีความสำคัญมากต่ออาชีพนักเขียนหรือผู้ซึ่งต้องการพัฒนาตนเองในงานเขียน การพัฒนาทักษะการเขียนก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับการพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น การพัฒนาทักษะการพูด การพัฒนาทักษะการฟัง การพัฒนาทักษะการอ่านซึ่งในแต่ละทักษะนั้นจะต้องมีการพัฒนาแบบควบคู่กันไป เพราะว่าในช่วงนี้ภาษาอังกฤษเข้ามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทย และคนทั่วโลกอย่างมาก เนื่องจากความก้าวหน้าในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร และการคมนาคมทำให้ประเทศต่างๆมีความใกล้ชิดต้องพึ่งพาอาศัยกันมากขึ้นจึงเกิดความจำเป็นที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลานานแต่การที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้นำไปใช้งานได้นั้นจะต้องมีการพัฒนาทักษะทั้ง4อยู่เรื่อยๆไม่ว่าจะฝึกในเวลาเรียนและนอกจากเวลาเรียนแล้วต้องมีการพัฒนาปรับปรุงตัวเองด้วยเพราะแต่ละคนจะรู้จุดอ่อนของตัวเองจึงรู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหนแก้ปัญหาให้ตรงจุดการสื่อสารภาษาอังกฤษทั้ง4ทักษะจะไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอนหากรู้จักการฝึกฝนและพัฒนา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

การแปล Template by Ipietoon Cute Blog Design and Homestay Bukit Gambang

Blogger Templates