วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกชั้นเรียน 22nd September,2015



 การพัฒนาทักษะการฟัง

                ภาษาอังกฤษเข้ามา มีบทบาทในชีวิตของคนไทย และคนทั่วโลกไปแล้ว ส่วนใหญ่ประชากรในโลกทุกวันนี้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การใช้อินเตอร์เน็ต การดูทีวี การดูภาพยนตร์ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หนังสือต่างๆ บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาออกมาในปัจจุบัน ถ้ามีความรู้ภาษาอังกฤษทั้งพูดและเขียน จะเพิ่มโอกาสที่จะหางานก็จะไม่จำกัดแค่ในประเทศไทย เท่านั้น ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ด้วยเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ทำให้โลกของเราแคบลงไปถนัดตา ทุกวันนี้เรารับรู้ข่าวสาร หรือติดต่อกับเพื่อนต่างชาติได้ภายในเสี้ยววินาที เราจะไม่เข้าถึงสิทธิพิเศษเหล่านี้เลย ถ้าเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ การรู้ภาษาอังกฤษนั้นจะประกอบไปด้วยหลายทักษะนั่นก็คือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ซึ่งทั้ง4ทักษะเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญเท่าๆกันไม่มีสิ่งใดน้อยกว่าหรือสิ่งใดมากกว่า ซึ่งในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงเลือกพัฒนาทักษะการฟังอีกครั้ง เพราะการฟังเป็นสิ่งที่เราต้องไว้ใช้สื่อสารจึงควรมีการพัฒนาและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
                วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟัง โดยในวันนี้ดิฉันได้เลือกการฟังเพลงภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ www.youtube.com  ซึ่งในวันนี้ดิฉันได้เลือกฟังเพลง If You Come Backซึ่งเป็นผลงานเพลงของนักร้องที่มีชื่อว่า Blueซึ่งเพลงนี้มันเป็นเพลงที่เหมาะแก่การฝึกทักษะเป็นอย่างมากเพราะว่าเพลงเพลงนี้ทำนองและการร้องเพลงจะไม่เร็วมากและไม่ช้าจนเกินไป ฟังง่ายและเวลาของเพลงนี้ก็ไม่เยอะจนเกินไป ซึ่งเพลงเพลงนี้มีความยาว 3.28นาที ซึ่งถือว่าไม่เยอะเพลงนี้มีความไพเราะโดยฟังในรอบแรกดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพลงที่เนื้อหาฟังง่าย โดยฟังในรอบนี้ดิฉันฟังแบบไม่มีเนื้อเพลง และลองจดเนื้อเพลงตามไปด้วยเป็นเพลงช้าจึงทำให้จดทัน โดยในเพลงนี้เป็นเพลงที่มีการลิงค์คำเชื่อมประโยคมากและดิฉันก็ฟังออกบ้าง และเมื่อฟังเสร็จดิฉันจึงเปิดอีกครั้งแต่เปิดในครั้งนี้เปิดในรูปแบบที่มีเนื้อเพลงแล้วนำมาเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงที่จดไว้กับเนื้อเพลงจริงปรากฏว่าเป็นไปดังคาด ดิฉันฟังออกและจดทันและมีก็ยังมีบ้างคำที่ฟังไม่ออกและคำที่ผิดพลาดถือว่ามีหลายคำอยู่ ซึ่งเพลงๆนี้หลังจากฟังเสร็จแล้วฉันนำไปแปลและลองเรียบเรียงเนื้อหาได้ความว่าเพลงนี้จะเกี่ยวกับคนรักคู่หนึ่งที่รักกันแต่มีการผิดใจกันทำให้ฝ่ายหญิงทิ้งไปแต่ฝ่ายชายเพียรพยายามที่จะตามหาและอ้อนวอนให้คนรักกลับมาซึ่งเมื่อดิฉันได้แปลและเรียบเรียงเสร็จแล้วดิฉันก็ได้เปิดฟังอีกหลายๆครั้งและได้ร้องตามด้วย เพราะได้ฝึกทักษะการออกเสียงด้วยทั้งเสียง initial sound , final sound และการ stress คำให้ถูกพยางค์ หลังจากได้ฟังเพลงนี้ได้ถอดความ และได้ร้องตามทำให้ฉันได้ฝึกหลายทักษะในเวลาเดียวกัน     
 
                วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟัง โดยในวันนี้ดิฉันได้เลือกการฟังเพภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ www.youtube.com  ซึ่งในวันนี้ดิฉันได้เลือกฟังเพลงI believe I can flyซึ่งเป็นผลงานเพลงของนักร้องที่มีชื่อว่า R. Kelly ซึ่งเพลงนี้มีทำนองมีจังหวะที่ฟังง่าย เป็นเพลงที่ช้าๆฟังแล้วซึ้ง เพลงนี้จัดว่าเป็นเพลงที่นานเพราะว่าเพลงนี้มีความยาวถึง 5.22นาที เพลงนี้มีความไพเราะโดยในเพลงนี้จะมีการการลิงค์คำเชื่อมประโยคไม่มากซึ่งดิฉันคิดว่าดิฉันฟังออกอยู่บ้าง โดยที่ดิฉันได้เลือกฟังเพลงนี้เพราะตอนแรกดิฉันได้อ่านแค่ชื่อเพลง ชื่อเพลงยังบ่งบอกถึงความสนุกความไพเราะดิฉันคิดว่าถ้าได้ฟังคงผ่อนคลาย เพราะชื่อเพลงยังแปลได้ว่าฉันเชื่อว่าฉันสามารถโบยบินชื่อเพลงยังดูสนุก หลังจากนั้นดิฉันได้ฟังในรอบแรกโดยไม่เปิดเนื้อเพลงแล้วลองจดเนื้อเพลงตาม อาจจะเป็นเพราะเพลงช้าด้วยดิฉันจึงฟังและจดทันตามทันถึงแม้บางคำจะจดผิดเพี้ยนไปบ้าง เมื่อฟังรอบนี้เสร็จดิฉันจึงเปิดอีกครั้งแต่เปิดในรูปแบบมีเนื้อร้องพบว่าดิฉันจดตามได้ถูกเกือบหมด และคำที่ดิฉันฟังไม่ออกแล้วดิฉันคิดว่าดิฉันฟังผิดเพี้ยนก็เป็นไปดังคาดคือดิฉันฟังได้ผิดมากและไม่ได้ใกล้เคียงเลย เมื่อดิฉันฟังเสร็จและตรวจทานเนื้อเพลงเสร็จดิฉันก็ได้ลองแปลและเรียบเรียงเนื้อเพลงจากที่ดิฉันจดไว้และเรื่องที่ดิฉันเรียบเรียงและแปลได้มีดังนี้คือ เนื้อเพลงจะเป็นประมาณว่าบุคคลในเพลงคิดว่าเขาไม่สามารถก้าวต่อไปได้ เขาคิดว่าชีวิตเขาไม่มีความหมายแต่เมื่อได้พบกับพระเจ้าทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป และจากที่เคยคิดว่าทำไม่ได้ถ้าได้ลองทำมันจริงมันก็จะทำได้ เหมือนดั่งชื่อเพลงที่ว่าเขาสามารถบินได้ เขาสามารถไปแตะที่ขอบฟ้าได้ เขาบอกว่าเขาสามารถทำทุกอย่างได้ทุกอย่างมันอยู่ที่ความเชื่อ และเมื่อดิฉันแปลเสร็จดิฉันจึงเปิดซ้ำๆหลายรอบ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงคลาสสิกที่สามารถฟังได้ทุกยุคทุกสมัยได้ทั้งการฝึกและได้ทั้งความผ่อนคลาย

วันที่ 26กันยายน พ.ศ. 2558ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะการฟัง โดยในวันนี้ดิฉันได้เลือกการฟังเพภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ www.youtube.com  ซึ่งในวันนี้ดิฉันได้เลือกฟังเพลง Because of You ซึ่งเป็นผลงานเพลงของนักร้องที่มีชื่อว่า Kelly Clarkson เพลงนี้เป็นเพลงที่ค่อนข้างฟังง่าย เพราะดนตรีและจังหวะของเพลงเป็นเพลงช้าๆฟังแล้วเพลิดเพลินลื่นหูมาก ตอนแรกที่ดิฉันเห็นเพียงแค่ชื่อเพลงของเพลงนี้ดิฉันคิดว่าเพลงนี้คงเป็นเพลงที่เกี่ยวกับความรักเลยกดลองฟังเข้าไปดู แต่เมื่อได้กดเข้าไปกลับผิดคาดเพราะว่าดิฉันเปิดฟังครั้งแรกโดยเปิดในรูปแบบที่มีเป็นMV เลยคิดแบบคร่าวๆว่าน่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเลยไม่เกี่ยวไรกับความรักแน่นอนหลังจากนั้นดิฉันก็เปิดฟังอีกครั้งโดยในรอบนี้ดิฉันลองจดเนื้อเพลงตามไปด้วยแต่ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีการใส่อารมณ์เพลง บางท่อนบางจังหวะก็เร็ว มีการรวบคำ บางคำดิฉันก็ฟังไม่ออก เลยฟังซ้ำอยู่3รอบกว่าจะจดเนื้อเพลงได้ทุกท่อนเมื่อดิฉันฟังและถอดเนื้อเพลงเสร็จแล้วดิฉันไปเปิดในรูปแบบมีเนื้อเพลงแล้วก็ตรวจตามเนื้อของตัวเองกลับพบว่าถึงแม้ว่าจะฟังหลายรอบวนไปมาก็ยังมีผิดพลาด อาจจะเป็นเพราะว่าบางท่อนมีอารมณ์ของนักร้อง ทำให้ฟังไม่ทันมีการรวบคำมากฟังไม่ค่อยออก และดิฉันได้นำเนื้อเพลงไปแปลและเรียบเรียงซึ่งเป็นไปตามMVคือน่าจะเกี่ยวกับครอบครัวที่แตกแยกมีปัญหากัน มีเสียงเด็กร้องและถ้ามองในภาพรวมคือทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเธอทั้งหมดฉันจะไม่ทำผิดซ้ำเหมือนที่เธอเคยทำฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำเพราะหัวใจฉันมันทุกข์ทรมานเหลือเกินฉันจะไม่พังทลายเหมือนที่เธอเคยเป็นเธอล้มทั้งยืนฉันเรียนรู้วิธีที่จะไม่ให้มันเกินเลยไปขนาดนั้นคือทุกเรื่องที่เกิดมันมีสาเหตุมาจากเธอทั้งหมด เมื่อแปลและเรียบเรียงเสร็จแล้วดิฉันพบว่ามันมีทั้งความไพเราะและมันมีทั้งความน่าสงสาร ความเศร้านอกจากเราจะฟังได้ความผ่อนคลายแล้วเมื่อเราลองอินไปกับเพลงเราก็มีความเศร้าตามไปด้วย หลังจากนั้นดิฉันได้เปิดซ้ำๆอีกหลายรอบมากนอกจากได้ทั้งความเพลิดเพลินได้ความผ่อนคลายและได้พักผ่อนไปในตัวเรายังได้ฝึกทักษะอีกด้วย
จากการที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง โดยการฝึกจากการฟังบทสนทนาจากภาพยนตร์ ฟังเพลงทำให้ดิฉันพบว่า ทักษะการฟังของดิฉันก็มีการพัฒนาขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การฟังเพลงแต่ว่าในแต่ละเพลงนั้นจะมีหลายรูปแบบที่ต่างกันเพราะในแต่ละเพลงมีจังหวะมีทำนอง มีดนตรีที่ต่างกัน มีลีลาการร้องการเปล่งเสียง การออกเสียงคำที่ต่างกันออกไป บางเพลงร้องช้ามีการรวบคำน้อยมากบางเพลงร้องเพลงก็เร็วจนเราฟังกันไม่ทัน ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่จะต้องมีการฟังต่อไปเรื่อย นี่เราแค่ฟังจากเพลงหากเราเจอในสถานการณ์จริงซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วที่ชาวต่างชาติจะพูดเร็วทำให้การสื่อสารการสนทนาจึงเกิดความยุ่งยากและมีการติดขัดดังนั้นการพัฒนาทักษะการฟังจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ควรจะละเลย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

การแปล Template by Ipietoon Cute Blog Design and Homestay Bukit Gambang

Blogger Templates