Learning log
Part of Sentences
Fourth : (1st September,2015)
ในภาวะปัจจุบันที่อิทธิพลของโลกาภิวัฒน์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและยังจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆดังนั้นการเรียนรู้ภาษาของประเทศอื่นย่อมได้เปรียบในการทำกิจการต่างๆ
เพราะคงไม่มีใครจะติดต่อสื่อสารและรู้เรื่องได้ดีเท่ากับการพูดภาษาเดียวกันดังนั้นการเรียนรู้
การสนทนาภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันมาก
เพราะในยุคปัจจุบันนี้ได้มีชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมากและคนไทยก็มีการเข้าไปทำงานในต่างประเทศมากขึ้น
การเรียนรู้ทั้ง4ทักษะจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก และนอกจากจะ ฟัง พูด
อ่านได้แล้ว การเขียนก็มีความสำคัญเพราะเป็นช่องทางการสื่อสารด้วยดังนั้นในงานชิ้นนี้ดิฉันจึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการสร้างประโยคในภาษาอังกฤษแต่จะหยิบยกมาในหัวข้อ
Complex Sentence
Complex Sentence
3. ประโยคความซ้อน (Complex
Sentence) คือ ประโยคความซ้อน ซึ่งประกอบด้วยประโยคหลัก 1 ประโยค และประโยครองหรืออนุประโยคอีกอย่างน้อย 1
ประโยค
ประโยคหลัก (main
clause หรือ independent clause) คือ
ประโยคอิสระที่มีเนื้อความสมบูรณ์ในตัวเอง มีประธานและ
ส่วนขยายเป็นของตัวเองไม่ขึ้นตรงต่อ ประโยคอื่น
ประโยครอง (subordinate
clause หรือ dependent clause) คือ
ประโยคที่อาศัย ประโยคหลักอยู่ ไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้
เพราะเนื้อหาของประโยครองเป็นเนื้อหา ที่ใช้ขยายหรืออธิบายประโยคหลัก จะทำหน้าที่
เป็นกรรม, ส่วนขยาย หรือ กริยาเป็นต้น
จึงต้องมาในประโยคที่มีประโยคหลักอยู่ด้วย
ประโยค complex
sentence มีการใช้ตัวเชื่อมระหว่างประโยค main clause กับ subordinate clause ดังนี้
1. Subordinate Conjunction ได้แก่
if
|
as if
|
since
|
because
|
that
|
whether
|
lest
|
as
|
before
|
after
|
white
|
till
|
until
|
though
|
although
|
unless
|
so that
|
than
|
provided
|
in order that
|
provided that
|
notwithstanding
|
|
|
|
2. Relative Pronoun ได้แก่
who
|
whom
|
whose
|
which
|
that
|
as
|
but
|
what
|
of which
|
|
3. Relative Adverb ได้แก่
when
|
why
|
where
|
การสร้างประโยค Complex
Sentence
Complex Sentence ต้องมีประโยคหลัก 1 ประโยค และมีประโยครองอย่างน้อย 1 ประโยค
ซึ่งประโยครองสามารถเป็น
1) Noun Clause
2) Adjective Clause
3) Adverb Clause
1. Noun Clause (นามานุประโยค) คือประโยคนั้นทั้งประโยคถูกนำมาใช้ทำหน้าที่เป็นนาม
หรือเสมือนนาม ซึ่งลักษณะของประโยค Noun
Clause จะขึ้นต้นประโยคของมันเองด้วยคำต่อไปนี้ คือ :-
what, that, which, where, when, why, who, whom, whose, how.
ซึ่ง Noun Clause นี้ย่อมทำหน้าที่ได้หลายอย่างในหลักไวยากรณ์
เช่นเดียวกับนามทั่วไป คือ
(1)
เป็นประธานของกริยา เช่น Where he stays is not answered.
(2)
เป็นกรรมของกริยา เช่น.. I
know where he lives.
(3) เป็นกรรมของ Preposition เช่น She
is waiting for what she wants.
(4)
เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา เช่น The books are what
they want.
(5)
เป็นนามซ้อนนามของนามที่อยู่ข้างหน้า เช่น The news that he was
dead is not true.
2. Adjective Clause (คุณานุประโยค)
คือประโยคนั้นทั้งประโยคทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์(Adjective)ขยายนามที่อยู่ข้างหน้าของมัน ซึ่งลักษณะของ Adjective
Clause นั้นจะต้องขึ้นต้นประโยคด้วยคำต่อไปนี้ คือ which,
where, when, why, who, whom, whose, of which, that(และอาจจะขึ้นต้นด้วยคำเหล่านี้ด้วย
คือ as(เช่นเดียวกันกับ), but(ผู้ซึ่งไม่),
before(ก่อนวันที่), after(หลังจากวันที่) และหน้าคำเหล่านี้ต้องเป็นคำนามด้วย (หากหน้าคำเหล่านี้เป็นคำกริยา ไม่ใช่นาม ประโยคนั้นก็จะเป็นประโยค Noun
Clause ไป)
เช่น He reads the
book which I gave him. เขาอ่านหนังสือที่ผมได้ให้เขาไป
3. Adverb Clause (วิเศษณานุประโยค)
คือประโยคนั้นทั้งประโยคทำหน้าที่เหมือน Adverb (กริยาวิเศษณ์)ทั่วๆไป เพื่อทำหน้าที่ขยายกริยาในประโยคหลัก(Main
Clause) ซึ่ง Adverb Clause แบ่งออกเป็น
9 ชนิดคือ
1. Adverb Clause ที่แสดงลักษณะอาการ(Manner) จะขึ้นต้นด้วยคำว่า as, as if, as hough.
2. Adverb Clause ที่แสดงสถานที่(Place)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า where, wherever, as far as, as near as.
3. Adverb Clause ที่แสดงเวลา(Time)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า when, e, while, since, as, before,
after, until, as soon as, as long as, all the time(that).
4. Adverb Clause ที่แสดงเหตุผล(Reason)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า because, as, since, seeing, that, now
that.
5. Adverb Clause ที่แสดงความมุ่งหมาย(Purpose)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า so
as, in order that, for the purpose, that, for fear that.
6. Adverb Clause ที่แสดงการยอมรับ(Concession)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า although, thought, even thought, even
if.
7. Adverb Clause ที่แสดง
การเปรียบเทียบ(Comparison)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า as
+ Adjective + as, as + Adverb + as, not so + Adjective + as,
not so + adverb + as.
8. Adverb Clause ที่แสดง
เงื่อนไขหรือสมมติ(Condition)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า if,
if only, unless, whether, supposing that, provided that, on condition that, in
case.
9. Adverb Clause ที่แสดงผล(Result)จะขึ้นต้นด้วยคำว่า so that, so….that, such….that, so…as to.
ตัวอย่างประโยค Complex
Sentence
My boss told me that I would be punished.
|
จากประโยค complex sentence ข้างต้น มีประโยค main clause
1 ประโยค และประโยค subordinate clause 1 ประโยค
ดังนี้
My boss told me เป็น main
clause
that I would be punished เป็น subordinate
clause ที่เป็นnoun clause ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยา
told
Complex Sentence อาจจะมี subordinate
clause มากกว่า1ประโยคก็ได้ ดังเช่น ประโยคตัวอย่างต่อไปนี้
When I get there I found that he had gone.
|
จากประโยค complex sentence ข้างต้น มีประโยค main clause 1 ประโยค และ ประโยค subordinate clause อีก 2 ประโยค ดังนี้
I found เป็น main clause
When I get there เป็น subordinate
clause ที่เป็น adverb clause ขยายกริยา found
ของประโยคหลัก
that he had gone เป็น subordinate
clause ที่เป็น noun clause ทำหน้าที่เป็นกรรมของ
กริยา found ในประโยคหลัก
adjective Clauses
Adjective Clause (คุณานุประโยค)
คือประโยคนั้นทั้งประโยคทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์(Adjective)ขยายนามที่อยู่ข้างหน้าของมัน ซึ่งลักษณะของ Adjective
Clause นั้นจะต้องขึ้นต้นประโยคด้วยคำต่อไปนี้ คือ which,
where, when, why, who, whom, whose, of which, that(และอาจจะขึ้นต้นด้วยคำเหล่านี้ด้วย
คือ as(เช่นเดียวกันกับ), but(ผู้ซึ่งไม่),
before(ก่อนวันที่), after(หลังจากวันที่) และหน้าคำเหล่านี้ต้องเป็นคำนามด้วย (หากหน้าคำเหล่านี้เป็นคำกริยา ไม่ใช่นาม ประโยคนั้นก็จะเป็นประโยค Noun
Clause ไป)
เช่น He reads the
book which I gave him. เขาอ่านหนังสือที่ผมได้ให้เขาไป
ประเภทของ adjective Clauses
adjective clause แบ่งเป็น 3 ประเภท
ได้แก่
11.3.1 Defining Clause ( บางตำราเรียก restrictive clause)
11.3.2 Non-defining Clause ( บางตำราเรียก non-restrictive clause)
11.3.3 Sentential Relative Clause ( บางตำราเรียก connective relative clause)
11.3.1 Defining Clause ( บางตำราเรียก restrictive clause)
11.3.2 Non-defining Clause ( บางตำราเรียก non-restrictive clause)
11.3.3 Sentential Relative Clause ( บางตำราเรียก connective relative clause)
11.3.1 Defining Clause
ใช้ชี้เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า ว่าเป็นคนไหน สิ่งไหน อันไหน ไม่ใช้ เครื่องหมายใด ๆ
ใช้ชี้เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า ว่าเป็นคนไหน สิ่งไหน อันไหน ไม่ใช้ เครื่องหมายใด ๆ
คั่นระหว่างคำนามกับ
adjective clause ที่ตามมา
A letter which was in a pink
envelope was
one seeking for a donation to
conserve wildlife.
The group of foreigners who visited our
university was
from Hawaii.
11.3.2 Non-defining Clause
11.3.2 Non-defining Clause
ใช้ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามที่มาข้างหน้า
โดยมีเครื่องหมาย comma (,) คั่น
ระหว่างคำนามกับ adjective clause ที่ตามมา
His house, which is on Sukhumvit
Road ,
is a two-storey house.
His wife, who teaches English
at NIDA ,
got a Ph.D. from the USA.
ข้อสังเกต
1. ความแตกต่างของความหมายระหว่าง defining clause และ non-defining clause
จงอ่านประโยคคู่ต่อไปนี้
a. My son who is working at NIDA earned a Ph.D from the USA.
1. ความแตกต่างของความหมายระหว่าง defining clause และ non-defining clause
จงอ่านประโยคคู่ต่อไปนี้
a. My son who is working at NIDA earned a Ph.D from the USA.
ประโยค a. สื่อความหมายว่า ฉันมีลูกชายมากกว่าหนึ่งคน
และมีอยู่คนหนึ่งที่ทำงานที่ NIDA
b. My
son , who is
working at NIDA, earned
a Ph.D from the USA.
ส่วนประโยค b. หมายความว่า
ฉันมีลูกชายเพียงคนเดียว และลูกคนนี้ทำงานที่ NIDA
c. Somsiri, who has long hair ,
is absent today.
ส่วนประโยค c. สื่อความหมายว่า มีคนชื่อ สมสิริเพียงคนเดียวในกลุ่มซึ่งทุกคนรู้ว่าเป็นใคร
การบอกว่า เธอมีผมยาวเป็นเพียงการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น
d. Somsiri who has long hair is
absent today.
ส่วนประโยค d. มี adjective clause มาชี้เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า
ในกรณีนี้สื่อความหมายว่า มีคนชื่อ สมสิริ มากกว่าหนึ่งคนในกลุ่ม
แต่คนที่ไม่มาคือ คนผมยาว
2. การใช้ non-defining clause สามารถใช้ได้กับคำนามทั่วไป (common
noun) ที่ในบริบทได้มีการชี้เฉพาะก่อนหน้าประโยคนี้
Captain Boa is making an announcement to his passengers. The captain , who is 40 years old , graduated from France.
Captain Boa is making an announcement to his passengers. The captain , who is 40 years old , graduated from France.
ประโยคแรกมีการกล่าวถึง Captain Boa ครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงกัปตันอีกครั้งในประโยคที่สอง
จึงเป็นที่รู้กันว่าเป็นกัปตันคนเดิม adjective clause ที่มาขยาย the captain ในประโยคที่สองจึงเป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมของกัปตันผู้นี้
ไม่ใช่การชี้เฉพาะว่าเป็นกัปตันคนใด
3. ห้ามใช้ that ใน non-defining
clause
4. ไม่มีการละคำเชื่อมใน
non-defining clause
11.3.3 Sentential Relative Clause ใช้ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้งข้อความ
ไม่ใช่เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า และจะใช้which นำหน้าเท่านั้นโดยมีเครื่องหมาย
comma คั่นจาก main clause ที่มาข้างหน้า
Jane gave him a smile, which surprised him a
great deal.
which surprised
him a great deal เป็น adjective clause ขยายความใน
main clause คือ Jane gave him a smile. ประโยคนี้หมายความว่า เจนยิ้มให้เขา ซึ่งทำให้เขาแปลกใจมาก
Jim got more money than other members in the team, which is not fair.
which is not fair เป็น adjective clause ขยายความใน main clause คือ Jim got more
money than other members in the team. ประโยคนี้หมายความว่า
จิมได้รับเงินมากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม ซึ่งไม่ยุติธรรม
ทั้งนี้ ไม่มี การละคำนำหน้า/คำเชื่อมใน sentential
relative clause
หลักการใช้คำประพันธสรรพนาม (Relative Pronouns)
Relative
Pronouns เป็นสรรพนามที่ใช้เชื่อมใจความสำคัญเข้าด้วยกันโดยใช้เชื่อม
Adjective Clause(คุณานุประโยค) ที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายคำนามหรือคำสรรพนาม
ที่วางอยู่ข้างหน้าของมัน
(1) who ใช้กับคำนามที่เป็นบุคคลหรือเกี่่ยวกับคนซึ่งเป็นประธานของใจความขยาย
หมายความว่า who ใช้เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนาม ที่เป็นบุคคลกับอนุประโยคที่ใช้ขยายหรือ
แสดงลักษณะของนาม หรือสรรพนามตัวนั้น เช่น
Adjective Clause(คุณานุประโยค) ที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายคำนามหรือคำสรรพนาม
ที่วางอยู่ข้างหน้าของมัน
(1) who ใช้กับคำนามที่เป็นบุคคลหรือเกี่่ยวกับคนซึ่งเป็นประธานของใจความขยาย
หมายความว่า who ใช้เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนาม ที่เป็นบุคคลกับอนุประโยคที่ใช้ขยายหรือ
แสดงลักษณะของนาม หรือสรรพนามตัวนั้น เช่น
1.
|
The manager
will employ the application
who are bilingual. |
ผู้จัดการจะจ้างผู้สมัครที่พูดได้สองภาษา
|
2.
|
He is the
man who can play football
very well. |
เขาคือผู้ชายที่สามารถเล่นฟุตบอลได้เก่งมาก
|
3.
|
Person who want
to apply this post
must have computer knowledge. |
คนที่ต้องการจะสมัครตำแหน่งนี้จะต้อง
มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ |
4.
|
Senee who speaks
English very well
has gone to English. |
สุนีย์ผู้ซึ่งพูดภาษาอังกฤษเก่งมากได้
ไปประเทศอังกฤษแล้ว |
(2) whom ใชักับคำนามที่เป็นบุคคลหรือเกี่ยวกับคนซึ่งเป็นกรรมของใจความขยาย
หมายความว่า whom ใช้เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนามที่เป็นบุคคลซึ่งเป็นกรรม
ของอนุประโยคที่มันขยาย (เป็นกรรมของกริยาของอนุประโยคที่มันขยาย) เช่น
1.
|
I saw some
on whom you know.
|
ผม
เห็นใครบางคนที่คุณรู้จัก
|
2.
|
She is a good
girl whom he wants
to marry. |
เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่เขาต้องการแต่งงานด้วย
|
3.
|
The
man (whom) she will marry
owns thispiece of land. |
ผู้ชายที่เธอจะแต่งงานด้วย
เป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ |
4.
|
The
student (whom) I admire won
a scholarship to study abroad. |
นักเรียนที่ผมยกย่องชมเชยคนนั้น
ไดัรับทุน
ไปเรียนต่อต่างประเทศ |
(3) whose ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของบุคคล
หมายความว่า whose ใช้เชื่อมคำนามหรือคำสรรพนามที่เป็นบุุคคลซึ่งวางอยู่ข้างหน้าของมัน
เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแทนคำนามหรือคำสรรพนามที่มันขยาย เช่น
1.
|
This is the
woman whose husband
is a teacher. |
นี่คือผู้หญิงที่สามีของเธอเป็นอาจารย์
|
2.
|
I know a
filmstar whose father
is my friend. |
ฉันรู้จักกับดาราภาพยนตร์คนหนึ่งซึ่ง
คุณพ่อของเขา เป็นเพื่อนของฉัน |
3.
|
The
boy whose fater is in prison
is very intelligent. |
เด็กชายที่พ่อเขาติดคุกนั้นเรียนเก่งมาก
|
4.
|
The
man whose house was burgled won
the first prize of lottery. |
ผู้ชายที่บ้านของเขาถูกขโมย
ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 |
(4) which ใช้กับคำนามหรือคำสรรพนาม ที่เป็นสิ่งของ สัตว์ ซึ่งหากเป็นกรรม
ของใจความขยาย ก็สามารถละทิ้งได้ เช่น
1.
|
This is
the house which, belong to
my sister. |
นี้คือบ้านที่เป็นของพี่สาวของผม
|
2.
|
This is the
car (which) my father bought
for 500,000 baht. |
นี้คือรถยนต์คันที่คุณพ่อของผม
ซื้อมาใน
ราคาห้าแสนบาท |
3.
|
The
basket which is on the table
is full of rambutans. |
ตระกร้าใบนี้ที่อยู่บนโต๊ะนั้นบรรจุ
เงาะเต็มเลย |
4.
|
The shirt
(which) I bought yesterday
is too small. |
เสื้อตัวนี้ที่ผมซื้อเมื่อวานมันตัวเล็กเกินไป
|
5.
|
The
snake which clept into a hole
is called "cobra" |
งูตัวที่เลื้อยเข้าไปในรู
เราเรียกว่า "งูเห่า"
|
(5) where ใช้กับคำนามประเภท สถานที่ ซึ่งถ้าหากเป็นกรรมของใจความขยาย
ก็สามารถละทิ้งได้ เช่น
1.
|
That is the
house ( where ) she lives.
|
นั่นคือบ้านที่เธออาศัยอยู่
|
2.
|
This is the
place where is mortgaged.
|
นี่คือสถานที่ที่ถูกจำนอง
|
3.
|
The high
buiding ( where ) he works
had a good security system. |
ตึกที่สูงๆที่เขาทำงานอยู่มีระบบรักษาความ
ปลอดภัยที่ดี |
(6) when ใช้กับคำนามที่บอกเวลา เพื่อขยายที่อยู่ข้างหน้าของมัน เช่น
1.
|
I can't
remember the year
when I first met her. |
ผมจำปีที่ผมพบเธอครั้งแรกไม่ได้
|
2.
|
She does not
know the time
when her friend leaves for Canada tomorrow. |
เธอไม่รู้เวลาที่เพื่อนของเธอจะออกเดินทาง
ไปประเทศแคนาดาวันพรุ่งนี้ |
3.
|
The
time when she gets up everyday is changed when she lives in Canada.
|
เวลาที่เธอตื่นนอนทุกวันเปลี่ยนไปเมื่อ
เธออยู่ประเทศแคนาดา |
(7) why ใช้ขยายคำนามที่มีความหมายถึงสาเหตุ เหตุผล คำอธิบาย
ซึ่งวางอยู่ข้างหน้าของมัน เช่น
1.
|
I would like
to know the reason
why you are always late. |
ผมอยากทราบเหตุผลว่าทำไมคุณ
ถึงมาสายประจำ |
2.
|
Everyone is
waiting for your explanationwhy you missede the whole classes
last week. |
ทุกคนกำลังรอคำอธิบายจากคุณที่คุณ
ขาดเรียนไปทั้งอาทิตย์ |
3.
|
The police
want to know the cause why
the house was burned. |
ตำรวจต้องการทราบสาเหตุที่บ้านหลังนั้น
ถูกเผา |
(8) that ใช้กับคำนามที่เป็นบุคคล สัตว์ สิ่งของ สถานที่ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
สามารถใช้แทน who, whom, where, which ก็ได้ เช่น
1.
|
The
robbers that robbed the bank last week
are arrested. |
คนร้ายที่ปล้นธนาคารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ถูกจับได้แล้ว |
2.
|
The pants
( that ) you are wearing are
very expensive |
กางเกงขายาวตัวที่คุณกำลังสวมอยู่นั้น
ราคาแพงมาก |
3.
|
The
month that people send their
love cards and red roses is February. |
เดือนที่คนส่งการ์ดความรักและกุหลาบแดง
คือเดือนกุมภาพันธ์ |
4.
|
The
bird that is singing belong to me.
|
นกตัวที่กำลังร้องเพลงอยู่นั่นเป็นของผมเอง
|
5.
|
It is the
place that I want to visit most.
|
มันคือสถานที่ที่ผมต้องการไปเที่ยวมากที่สุด
|
การใช้ that ในลักษณะพิเศษหรือนอกเหนือจากกฎทั่วไป
1. ใชักับสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะหรือไม่เจาะจง ( Indefinite Pronouns )
ซึ่งได้แก่ everyone, everybody, everything, someone, somebody, something, anybody, anything, onone, nobody, nothing เช่น
1.
|
Everyone
that once sees Arpassara will be
charmed by her beauty. |
ทุกคนที่ได้พบอาภัสราเพียงครั้งเดียวก็จะ
หลงเสน่ห์ความสวยของเธอ |
2.
|
No one
that loves me as much as
my parents. |
ไม่มีใครรักผมเท่ากับพ่อแม่ของฉันเลย
|
3.
|
Everything that
you have seen in
my house is precious. |
ทุกสิ่งที่คุณได้เห็นในบ้านของฉันล้วน
มีค่าทั้งนั้น |
2. นิยมใชักับนามวลีที่มีโครงสร้างการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
และคุณศัพท์แสดงลำดับที่ เช่น
1.
|
Suda is the
most beautiful filmstar that
i have seen. |
สุดดาเป็นดาราภาพยนตร์ที่สวยที่สุด
ที่ผมเคยเห็นมา |
2.
|
He is the
best man that I have known.
|
เขาเป็นคนที่ดีทึ่สุดเท่าที่ผมได้รู้จักมา
|
3.
|
Preecha was
the second student thatreached the school yesterday.
|
ปรีชาเป็นนักเรียนคนที่สองที่มาถึง
โรงเรียนเมื่อวานนี้ |
4.
|
She was the
secound employee that
was dismissed. |
เธอเป็นพนักงานคนที่สองที่โดนไล่ออก
|
การใช้เครื่องหมายวรรคตอนในประโยค Adjective Clause
(Punctuation of Adjective Clause)
1. อย่าใส่ความม่าหรือเครื่องหมายจุลภาค ถ้า Adjecitve Clause นั้นจำเป็นต้องไปขยายนาม
ตัวนั้นๆโดยตรง คือจำเป็นต้องขยายนามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
2. ให้ใส่คอมม่าหรือเครื่องหมายจุลภาค ถ้า Adjective Clause นั้นให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่จำเป็นต้อง
ไปขยายนาม คือจะละ Adjective Clause ก็เข้าใจได้
ตัวอย่างเช่น
1.
|
The
man who teaches English literatureis my brother.
|
ผู้ชายที่สอนวรรณคดีอังกฤษคนนั้น
เป็นพี่ชายผมเอง |
2.
|
Mr.Prawit, who
teaches English literature is my brother.
|
นาย (อาจารย์)
ประวิทย์ที่สอนวรรณคดี
อังกฤษคนนั้นเป็นพี่ชายของผม |
3.
|
Lampang, which
consists of ten districts,is in the north of Thailand.
|
ลำปาง
ซึ่งประกอบไปด้วย 10 อำเภอ
อยู่ทางทิศเหนือของประเทศไทย |
4.
|
The man who(m)
I met yesterday
teaches English. |
ผู้ขายที่ฉันเห็นเมื่อวานสอนภาษาอังกฤษ
|
5.
|
Mr.Suchart, whom
I met yesterday,
teaches English |
คุณสุชาติที่ฉันเห็นเมื่อวานสอนภาษาอังกฤษ
|
*หมายเหตุ เราจะไม่ใส่คอมม่ากับประพันธสรรพนาม that และ คอมม่า ( comma ) มักจะใช้กับภาษาเขียนมากกว่า
หลักการใช้ restrictive
adjective clauseและ non-restrictive adjective clause
Restrictive และ non-restrictive adjective
clause เป็นหลักการที่ใช้กับ relative pronoun เป็นส่วนใหญ่
1. Restrictive adjective clause คืออะไรและมีหลักการใช้
อย่างไร
อย่างไร
Restrictive adjective clause ก็คือ
adjective clause ที่ใช้ระบุคำนามหรือ
สรรพนามของประโยคหลักว่า ‘เป็นใคร, เป็นสิ่งไหน, เป็นคนหรือเป็นสิ่งของประเภทใด’
เช่น
A man who moved in yesterday is our friend.
สรรพนามของประโยคหลักว่า ‘เป็นใคร, เป็นสิ่งไหน, เป็นคนหรือเป็นสิ่งของประเภทใด’
เช่น
A man who moved in yesterday is our friend.
ประโยคนี้ ‘who moved in
yesterday’ คือ ‘restrictive adjective clause’ ที่
ใช้ระบุว่า ‘ผู้ชายที่เป็นเพื่อนของเรา คือ คนที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน ไม่ใช่คนที่ย้ายเข้ามาวัน
อื่น’
ใช้ระบุว่า ‘ผู้ชายที่เป็นเพื่อนของเรา คือ คนที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน ไม่ใช่คนที่ย้ายเข้ามาวัน
อื่น’
หลักการใช้ restrictive adjective clause
การใช้ restrictive
adjective clause นั้น ผู้ใช้จะเป็นผู้กำหนดเองว่า adjective
clause ใดควรเป็น restrictive โดยมีหลักการดังนี้คือ
clause ใดควรเป็น restrictive โดยมีหลักการดังนี้คือ
1. ถ้าคนหรือสิ่งของที่เราจะนำเอา adjective
clause มาขยายความนั้น มีหลายคน
หรือมีหลายสิ่ง จนอาจทำให้ผู้ที่รับสื่อจากเราไม่รู้ว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน เราก็จะใช้ restrictive adjective clause มาระบุ
หรือมีหลายสิ่ง จนอาจทำให้ผู้ที่รับสื่อจากเราไม่รู้ว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน เราก็จะใช้ restrictive adjective clause มาระบุ
ดัง A man who moved in yesterday is our friend. ข้างต้น
แสดงว่า มีคน
ย้ายเข้ามาหลายคน แต่คนที่เป็นเพื่อนเราคือ ผู้ชายที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน ผู้รับสื่อจากเราก็จะ
เข้าใจทันทีว่า ใครคือเพื่อนเรา
ย้ายเข้ามาหลายคน แต่คนที่เป็นเพื่อนเราคือ ผู้ชายที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน ผู้รับสื่อจากเราก็จะ
เข้าใจทันทีว่า ใครคือเพื่อนเรา
2. Restrictive คือ adjective
clause ที่ไม่มี comma
(,) วางไว้หน้า restrictive adjective clause นั้นๆ
เช่น A man who moved in
yesterday is our friend. ข้างต้น จะไม่มี comma (,) วางไว้หน้า who
moved in yesterday
Restrictive adjective clause เป็นภาษาของนักภาษาศาสตร์
ตำราบางเล่มเรียกเป็น
ชื่ออื่นๆอีกก็มี ดังนั้น ในฐานะผู้ใช้เราจะเรียก restrictive ว่า ‘adjective clause ที่ไม่มีcomma (,) วางไว้ข้างหน้า’ ก็ได้ครับ
ชื่ออื่นๆอีกก็มี ดังนั้น ในฐานะผู้ใช้เราจะเรียก restrictive ว่า ‘adjective clause ที่ไม่มีcomma (,) วางไว้ข้างหน้า’ ก็ได้ครับ
อนึ่ง
อนุประโยคที่ผู้เขียนยกตัวอย่างไว้ข้างต้นทุกประโยคก็ล้วนแล้วแต่เป็น restrictive
adjective clause ทั้งสิ้น
2. Non-restrictive adjective clause คืออะไรและมีหลัก
การใช้อย่างไร
การใช้อย่างไร
Non-restrictive adjective clause ก็คือ
adjective clause ที่ผู้ใช้ใช้เพื่อเพิ่มข้อ
มูลให้กับคำนามหรือคำสรรพนามของประโยคหลัก โดยคำนามหรือคำสรรพนามนี้เป็นที่รับ
รู้กันอยู่แล้วว่า ‘เป็นใคร, เป็นสิ่งไหน, เป็นคนหรือเป็นสิ่งของประเภทใด’ เช่น
Mr. Pope, who we have just met, is a superstar.
มูลให้กับคำนามหรือคำสรรพนามของประโยคหลัก โดยคำนามหรือคำสรรพนามนี้เป็นที่รับ
รู้กันอยู่แล้วว่า ‘เป็นใคร, เป็นสิ่งไหน, เป็นคนหรือเป็นสิ่งของประเภทใด’ เช่น
Mr. Pope, who we have just met, is a superstar.
ประโยคนี้เราจะเห็นได้ว่า ‘who
we have just met’ เป็น non-restrictive
adjective clause ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายความ Mr. Pope เท่านั้น เพราะผู้รับสื่อ
จากเราทราบอยู่แล้วว่า Mr. Pope เป็นใคร
adjective clause ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายความ Mr. Pope เท่านั้น เพราะผู้รับสื่อ
จากเราทราบอยู่แล้วว่า Mr. Pope เป็นใคร
และ non-restrictive จะเป็น adjective clause ที่มี comma (,) วางไว้ทั้งข้าง
หน้าและข้างหลัง’ เพื่อให้แตกต่างจาก restrictive adjective clause อีกโสดหนึ่งด้วย
หน้าและข้างหลัง’ เพื่อให้แตกต่างจาก restrictive adjective clause อีกโสดหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม non-restrictive
adjective clause บางครั้งอาจมี comma (,) วาง
ไว้ข้างหน้าเท่านั้น ดังนี้
ไว้ข้างหน้าเท่านั้น ดังนี้
The world number two badminton player is
Ratchanok Intanon, who
won World Cup Title at China Open.
won World Cup Title at China Open.
และ non-restrictive นี้ เราไม่สามารถละ relative pronoun (who, which) ที่เป็นกรรมไว้ได้
ต้องใส่ไว้เสมอ เช่น ประโยค Mr. Pope, who we have just met, is a superstar. ข้างต้น เราต้องคง relative pronoun คือ who ซึ่งเป็นกรรมของ we have just met ไว้เสมอ
จะไปตัดออกไม่ได้
Non-restrictive ไม่ใช้ that นำหน้า
คำ relative pronoun ที่นำหน้า non-restrictive adjective clause เพื่อใช้ขยาย
ความคำนามของประโยคหลักนี้จะใช้ who กับ which เท่านั้น ไม่มีการใช้ that โดยเด็ด
ขาด ดังนี้
ความคำนามของประโยคหลักนี้จะใช้ who กับ which เท่านั้น ไม่มีการใช้ that โดยเด็ด
ขาด ดังนี้
Mr. Pope, that
we have just met, is a superstar.
ข้อควรจำ: ผู้ใช้คือผู้กำหนดว่า adjective clause ใดจะเป็น
restrictive หรือ non-restrictive
ท่านผู้อ่านอย่างลืมนะครับว่า adjective
clause ใดจะเป็น restrictive หรือ non-
restrictive นั้น
ผู้ใช้จะเป็นผู้กำหนดเองตามหลักการใช้ที่ได้อธิบายไว้ในข้อ 1 และ 2 ข้างต้น
ประโยคตัวอย่างของ non-restrictive adjective clause
ขอให้ท่านผู้อ่านศึกษาประโยคตัวอย่างของ
non-restrictive adjective clause ดังต่อไปนี้ให้เข้าใจ
–My new bike, which
I bought last month, was stolen last night.
–Bangkok, which
is the capital of Thailand, is one of the most
famous mega city in the world.
famous mega city in the world.
–He is the first Thai who climbed Mount Everest, which is the highest
mountain in the world.
mountain in the world.
–I have watched FanChan (My Girlfriend) many
times, which was a
big hit in 2003.
big hit in 2003.
–Preechaya ‘Ice’, who played Jib in ATM Er Rak Error,
majored in
Liberal Arts at Assumption University.
Liberal Arts at Assumption University.
–Nuengtida ‘Noona’, who played female leading role in
Hello Stranger,
is now studying at Thammasart University.
is now studying at Thammasart University.
–Keerati ‘Gypsy’, who graduated from Chulalongkorn
University, acts
in Love Syndrome as female leading role.
in Love Syndrome as female leading role.
–Jarinporn ‘Toey’, who plays female leading role in
Timeline, is a
graduate of Srinakarinwirot University.
graduate of Srinakarinwirot University.
–The male reading role in Timeline goes to James
Jirayu, who is
a first year student at Rangsit University.
a first year student at Rangsit University.
–Sumontip ‘Gupgip’, who is a law student at
Ramkhamhaeng
University, is a supporting actress whose IG has almost eight
hundred thousand followers.
University, is a supporting actress whose IG has almost eight
hundred thousand followers.
การใช้ non-restrictive adjective clause จะใช้เฉพาะในภาษาเขียนเท่านั้น
ส่วน
ในภาษาพูดจะนิยมแยกเป็น 2 ประโยค ดังนี้
ในภาษาพูดจะนิยมแยกเป็น 2 ประโยค ดังนี้
–I have watched FanChan (My Girlfriend) many
times. The movie
was a big hit in 2003.
was a big hit in 2003.
การใช้ non-restrictive กับ relative adverb
บางครั้ง เราอาจนำหลักการของ non-restrictive
adjective clause ที่ใช้กับ
relative pronoun มาใช้กับ relative adverb ได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับ where ดัง
ประโยคตัวอย่างต่อไปนี้
relative pronoun มาใช้กับ relative adverb ได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับ where ดัง
ประโยคตัวอย่างต่อไปนี้
–Put that book into the bookshelf, where it is.
–This is the free English website, where you can learn English
without any fee.
without any fee.
–View of the Arena Corinthians in December, where the opening
match is due to be played. (BBC)
match is due to be played. (BBC)
การลดรูป adjective
clause
การลดรูป adjective clause
คำนำหน้า “who”,
“which” และ “that” ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ
adjective clause สามารถลดรูปเป็นกลุ่มคำต่าง ๆ ได้
โดยเมื่อลดรูปแล้วจะกลายเป็นกลุ่มคำนาม ดังนี้
11.5.1 Appositive Noun Phrase
11.5.2 Prepositional Phrase
11.5.3 Infinitive Phrase
11.5.4 Participial Phrase
11.5.1 Appositive Noun Phrase
11.5.2 Prepositional Phrase
11.5.3 Infinitive Phrase
11.5.4 Participial Phrase
11.5.1 Appositive Noun Phrase
adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้
adjective clause ซึ่งมี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้
หากหลัง who, which และ that มี BE และให้ตัด BE ออกด้วย
เมื่อลดรูปแล้ว จะเป็นกลุ่มคำนาม
ที่เรียกว่า appositive
ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
|
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
|
Prof.
Chakarin, who is my thesis adviser , will retire next
year.
|
Prof.
Chakarin, who is my thesis adviser , will retire next
year.
Prof.
Chakarin, my thesis adviser , will retire next year.
|
His
novel, which is entitled Behind the Picture , is very
popular.
|
His
novel, which is entitled Behind the Picture , is very
popular.
His
novel, Behind the Picture , is very popular.
|
11.5.2 Prepositional
Phrase
adjective clause ที่มี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who,
adjective clause ที่มี who, which และ that เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who,
which และ that มีคำกริยาและบุพบท ที่ถ้าตัดคำกริยาแล้วเหลือแต่บุพบท
ยังมีความหมายเหมือนเดิม
ให้ตัดคำกริยาออกได้
เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า prepositional phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
|
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
|
The
lady who is dressed in the national costumeis a beauty
queen.
|
The
lady who is dressed in the national costumeis a beauty
queen.
The
lady in the national costume is a beauty queen.
ในที่นี้ dressed in the national costume มีความหมายเหมือน in the national costume
|
The football
player who came from Brazilreceived a warm welcome from his
fans in Thailand.
|
The football
player who came from Brazilreceived a warm welcome from his
fans in Thailand.
The football
player from Brazil received a warm welcome from his fans in
Thailand.
ในที่นี้ came from Brazil มีความหมายเหมือน
from Brazil
|
11.5.3 Infinitive
Phrase
adjective clause ที่มี who, which และ that
สามารถลดรูปได้ หากข้างหลังมีกริยาในรูป
BE + infinitive with to เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า infinitive
phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
|
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
|
He is the
first person who is to be blamed for the violence yesterday .
|
He is the
first person who is to be blamed for the violence
yesterday .
He is the
first person to be blamed for the violence yesterday.
|
The
researcher did not provide the specific statistics that can be used
to test the hypothesis.
|
The
researcher did not provide the specific statistics that can
be used to test the hypothesis.
The
researcher did not provide the specific statistics used to test
the hypothesis .
The
researcher did not provide the specific statistics to test the
hypothesis .
|
11.5.4 Participial
Phrase
1) Present Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้ ลดรูป
1) Present Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้ ลดรูป
โดยตัด who และเปลี่ยนกริยาหลัง
who เป็น present participle (V-ing)
ประโยคที่ใช้ adjective clause
|
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
|
The school
students who visited the national museum were very excited.
|
The school
students who visited the national museum were very
excited.
The school
students visiting the national museumwere very excited.
|
The two
robbers who had escaped to Cambodiawere arrested a week ago.
|
The two
robbers who had escaped to Cambodiawere arrested a week ago.
The two
robbers having escaped to Cambodiawere arrested a week ago.
|
The
earthquake victims who had been saved by the rescue team were
sent to hospital immediately.
|
The
earthquake victims who had been saved by the rescue team were
sent to hospital immediately.
The
earthquake victims having been saved by the rescue team were
sent to hospital immediately.
|
2) Past Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี which และ who
เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง which และ
who มีกริยาในรูป passive
form (BE + past participle) ลดรูปโดยตัด which/who และ BE ออก
เหลือแต่ past participle ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
|
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
|
The
money which was lost during the trip was returned to
its owner.
|
The
money which was lost during the trip was returned to
its owner.
The
money lost during the trip was returned to its owner.
|
His
father, who was sent by his company to New Zealand , developed
lung cancer.
|
His
father , who was sent by his company to New Zealand ,
developed lung cancer.
His
father, sent by his company to New Zealand, developed lung
cancer.
|
อย่างไรก็ตาม ทั้ง present participial phrase และ past participial phrase สามารถ
ขยายนามโดยนำมาวางไว้หน้าคำนามได้ ดังนี้
Thailand is a country which exports rice .
Thailand is a rice-exporting country.
Passengers have to wait for trains which come late .
Passengers have to wait for late-coming trains.
Thailand is a country which exports rice .
Thailand is a rice-exporting country.
Passengers have to wait for trains which come late .
Passengers have to wait for late-coming trains.
This blouse which was made by hand is very expensive.
This hand-made blouse is very expensive.
This hand-made blouse is very expensive.
The chairs which were slightly damaged were sent for
repair.
The slightly damage chairs were sent for repair.
The slightly damage chairs were sent for repair.
ภาษาที่ใช้ในการทำงานในอนาคตไม่ว่าจะเป็นประชาคมอาเซียนหรือการทำงานในองค์กรต่างๆ
ในต่างประเทศ คงนี้ไม่พ้นคือภาษาอังกฤษเพราะในปัจจุบันนี้มีการสื่อสารหลายช่องทางเป็นอย่างมาก
การเรียนรู้ไวยากรณ์ถือเป็นเรื่องสำคัญของการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ
นอกจากเรียนรู้เรื่อง Tenseแล้วการเขียนประโยคหรือ sentenceก็มีความสำคัญและมีความจำเป็นมากเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าจะรู้หลักไวยากรณ์แล้วก็ตามแต่ยังเขียนเป็นประโยคไม่ได้จึงต้องมีการศึกษาเพื่อที่จะได้มีการสื่อสารกันในอนาคตไม่เกิดปัญหาและบรรลุเป้าหมาย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น